5 แนวทางที่ AI Marketing ช่วยงานการตลาดและการขายได้อย่างเยี่ยมยอด พร้อมแนะนำเครื่องมือที่ใช้งานได้จริง หลายคนยังคงคิดว่า AI Marketing เป็นแค่วิทยาศาสตร์, เรื่องเกี่ยวกับโปรแกรมคอมพิวเตอร์, และทฤษฎีที่ใช้ในการศึกษาวิจัย แต่ที่จริงแล้ว AI ได้ถูกนำมาสร้างให้เป็นรูปธรรมมากขึ้นแล้ว ถ้าจะเปรียบ AI กับคนก็ต้องบอกว่า AI ยังเป็นเด็กเล็กอยู่ แต่เป็นเด็กที่โตไวมากๆ เพราะได้รับการอัดฉีดสารเร่งความเติบโต ก็เพราะหลายสำนักต่างทุ่มทุนในงานวิจัยเพื่อสร้างให้ AI มีความอัจฉริยะมากขี้นโตขึ้น คิดและตัดสินใจเลือกสิ่งต่างๆ หรือแม้ตอบคำถามได้เหมือนผู้ใหญ่ และเป็นผู้ใหญ่ที่อัจฉริยะมากที่สุดคนหนึ่ง
AI ถูกนำมาสร้างให้เป็นรูปธรรมในการใช้งานได้จริงในหลายสาขาอาชีพ แต่วันนี้เราจะมาพูดเฉพาะ AI Marketing ที่สามารถนำมาใช้กับงานด้านการตลาดได้จริง พร้อมแนะนำเครื่องมือที่น่าสนใจสำหรับนักการตลาดด้วยค่ะ
มาดูกันว่า 5 แนวทางที่ AI Marketing ช่วยงานการตลาดและการขายได้อย่างเยี่ยมยอดมีอะไรบ้าง และเครื่องมือที่ Shifu แนะนำมีอะไรบ้าง
1. AI Marketing ช่วยคุณสร้างแบรนด์ด้วยภาพลักษณ์ที่ทันสมัย
ไม่ว่าคุณจะเป็นธุรกิจขนาดเล็ก ขนาดกลาง หรือขนาดใหญ่ คุณคงมีเว็บไซด์ของธุรกิจเพื่อช่วยสร้างโอกาสในการเข้าถึงแบรนด์ถ้าใครยังไม่มีแนะนำว่าควรสร้างเว็บไซด์ของธุรกิจค่ะ เพราะการที่คุณมีเว็บไซด์ก็เปรียบเหมือนคุณมีสำนักงานถาวร แต่เป็นสำนักงานออนไลน์ที่ใครๆ ก็เข้ามาชมสินค้า บริการ หรือหาเบอร์ติดต่อกับคุณได้ง่ายๆ 24 ชั่วโมง แม้ขณะคุณนอนหลับคุณก็อาจได้รับอีเมล์ติดต่อจากผู้สนใจสั่งซื้อสินค้าหรือจองบริการของคุณผ่านเว็บไซด์ได้ง่ายๆ
จะสร้างเว็บไซด์แต่ไม่ถนัดด้านใช้โปรแกรม ไม่ต้องห่วงค่ะ เพราะตอนนี้ AI Marketing สามารถช่วยคุณสร้างเว็บไซด์ที่ช่วยเสริมภาพลักษณ์ที่ทันสมัยให้กับแบรนด์ของคุณแบบชนิดที่เรียกว่า แค่ใส่ข้อมูลที่ต้องการ AI ก็จะช่วยออกแบบและจัดวางให้คุณอย่างสวยงามเลยล่ะ
แนะนำ
เครื่องมือแนะนำ: Firedrop เป็นเครื่องมือช่วยสร้าง Landing Page ด้วย Sacha, A.I. Designer เพียงแค่ถาม Sacha ทุกอย่างแล้วคุณเธอก็จะช่วยออกแบบ Landing Page ให้อย่างง่ายดายราวกับมีนักออกแบบเว็บไซด์มืออาชีพส่วนตัวเลยล่ะ
นอกจากนี้คุณยังสั่งให้มันหาสีที่เหมาะสม หาตัวอักษรที่สวยๆ จัดรูปแบบให้เหมาะกับเนื้อหาของคุณ แล้วสั่ง Publish เว็บไซด์ได้เพียงแค่บอก Sacha ว่าคุณต้องการทำอะไร เหมือนสั่งงานลูกน้องในออฟฟิสนั่นแหละ แต่สำหรับ Sacha เธอทำงานทุกเวลาที่คุณต้องการ ต้องการเวลาไหน อย่างไร หล่อนจัดให้หมด ไม่เพียงเท่านี้หล่อนยังอัจฉริยะขนาดที่ว่าสามารถออกแบบให้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะที่เหมาะกับบุคลิกภาพของคุณด้วยไม่ว่าจะเป็นตัวอักษร โทนสี ที่เข้ากับรสนิยมของคุณโดยใช้รูปลักษณ์และความรู้สึกของแบรนด์เป็นเกณฑ์ เรียกได้ว่า Sacha คือ คู่มือแบรนด์ดิจิทัลอัตโนมัติในแบบฉบับของคุณ ไม่ว่าเนื้อหาจะเป็นอย่างไรแม้แต่ภาษาไทยหล่อนก็ออกแบบให้เหมาะกับแบรนด์และรสนิยมของคุณได้
คุณสามารถคุยกับ Sacha จากมือถือแล้วดูความเปลี่ยนแปลงบน Desktop ไปพร้อมๆ กันด้วยนะ และที่ชอบมากคือ ฟรี!
2. AI Marketing ช่วยคุณทำ SEO ที่ได้ผลดีกว่าในการค้นหา
AI MArketing ได้ถูกนำมาใช้ในการค้นหาคำหลักที่ไม่เพียงแค่วลีสั้นๆ เท่านั้น ตัวอย่างเช่น Google RankBrain ที่ทำงานด้วยระบบการค้นหาที่ทำความเข้าใจบริบทรวมทั้งเนื้อหาของไซด์ RankBrain สามารถเดาความหมายของคำได้อย่างชาญฉลาดแม้จะเป็นคำหรือวลีที่ไม่เคยพบมาก่อน
RankBrain จะเปลี่ยนวิธีการทำ SEO ทำให้การค้นหาคำหลักแล้วใส่ในเนื้อหาจะไม่มีผลอีกต่อไป เพราะ AI สามารถจัดอันดับหน้าเว็บตามเนื้อหาที่มีอยู่และข้อมูลที่ไม่มีในเว็บด้วยเงื่อนไขและแนวคิดที่เกี่ยวข้องซึ่งทำให้มีการเชื่อมโยงที่กว้างขึ้นและทำให้วลีคำหลักมีความสำคัญน้อยกว่าในการจัดอันดับ SERP (Search Engine Results Pages)
AI ในโลกของ SEO จึงสามารถเน้นกลยุทธ์ที่ดีที่สุดและมีความเกี่ยวข้องมากที่สุดสำหรับเว็บไซต์ของคุณซึ่งเป็นเครื่องมือที่เป็นประโยชน์อย่างมหาศาลในการแข่งขันที่เหนือกว่า
ระบบ AI / SEO จะช่วยให้เนื้อหารูปแบบและรูปแบบเว็บประสบความสำเร็จทั้ง SERP และกับผู้ใช้
Google ได้ปรับปรุงวิธีการค้นหาคำหลักด้วยเสียง (Voice Search) และภาพ (Visual Search) Google เปลี่ยนแปลงและปรับปรุงอัลกอริทึมการค้นหาเกือบทุกวันและนักการตลาดต้องตระหนักถึงสิ่งนี้และมั่นใจว่าเนื้อหาของตนจะได้รับการปรับให้เหมาะสมตามการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้
AI ช่วยคุณทำ SEO ที่ได้ผลดีกว่าในการค้นหาอย่างไร เรามีเครื่องมือ AI / SEO ที่อยากแนะนำค่ะ
เครื่องมือแนะนำ: Torch เป็นเครื่องมือทางธุรกิจ e-commerce ที่ใช้การหาข้อมูลด้วย Machine Learning และ AI ที่ทำงานโดยอัตโนมัติช่วยให้คุณประหยัดเงินและช่วยให้ธุรกิจเติบโตขึ้น
การทำงานของ Torch คือ มันจะรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลเรียนรู้เกี่ยวกับลูกค้าของคุณช่วยให้คุณสามารถให้บริการออนไลน์ได้ดียิ่งขึ้นโดยไม่ต้องใช้แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม
– คุณสามารถจัดการพื้นที่คลังสินค้าและพื้นที่เก็บสินค้า ช่วยในการขนส่งสินค้าแบบเรียลไทม์และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการขายของคุณ
– คุณสามารถสร้างเว็บไซต์ที่สวยงามและตอบสนองได้อย่างสมบูรณ์ภายในไม่กี่นาทีกับระบบการออกแบบเว็บไซต์ที่ใช้งานง่ายและช่วยคุณสร้างเว็บไซด์จากความหยั่งรู้ของ AI
– มันจะรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับลูกค้าและคู่แข่งของคุณ เพื่อช่วยในการจัดการปรับปรุงและพัฒนาธุรกิจของคุณแม้ในเวลาที่คุณกำลังสนุกสนานกับเพื่อนๆ หรือครอบครัว
– มันจะเรียนรู้เกี่ยวกับบริษัทของคุณและจะจัดหารายการที่สามารถนำไปใช้ในการขยายธุรกิจของคุณ ราวกับการมีพนักงานทำงานให้คุณตลอด 24 ชั่วโมง
– อัลกอริธึมของ Torch จะเรียนรู้เกี่ยวกับลูกค้าของคุณโดยมันสามารถเปลี่ยนแปลงตำแหน่งผลิตภัณฑ์และการเลือกโฆษณาแบนเนอร์ที่เหมาะกับลูกค้านั้น และทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าเว็บไซต์ของคุณสร้างขึ้นมาสำหรับพวกเขา
– ระบบด้านการตลาดอีเมลของ Torch จะช่วยเสริมความมั่นใจได้ว่าการติดต่อที่สำคัญกับลูกค้าปัจจุบันและลูกค้าเป้าหมายจะประสบความสำเร็จแม้ในขณะที่คุณอยู่นอกสำนักงานก็ตาม
คุณสามารถทดลองใช้เครื่องมือนี้ได้ ฟรี! แล้วลองประเมินผลดูนะคะว่าน่าสนใจไหม ระบบรองรับภาษาอังกฤษเป็นหลัก แต่น่าจะพอให้ประโยชน์กับผู้ใช้คนไทยบ้างไม่มากก็น้อยค่ะ แนะนำว่าลองเล่นดูว่าเหมาะสมกับธุรกิจคุณหรือไม่นะคะ…
3. AI Marketing ช่วยให้การทำ Content ง่ายและดึงดูดใจผู้อ่าน
“การสร้างเนื้อหา” อาจเป็นคำที่ค่อนข้างคลุมเครือ แต่เราสามารถแบ่งเนื้อหาออกเป็น 3 ส่วนใหญ่ ๆ ได้แก่
– การคิดเนื้อหา
– การผลิตเนื้อหา
– การโปรโมทเนื้อหา
เนื้อหาเป็นฟิลด์ที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เนื้อหามีตั้งแต่การทวิตในทวิตเตอร์ไปจนถึงการสร้างภาพยนต์ระดับโลกของฮอลลีวู้ดเลยล่ะ
เรามักคิดถึงปัญญาประดิษฐ์ (AI) ภายในอุตสาหกรรมของเราในแง่ของกระบวนการและการคำนวณ หรือการซื้อสื่อโฆษณา เป็นต้น โดยไม่ทันคิดว่าอัลกอริทึมกำลังเข้าแทรกแซงในระดับที่ซับซ้อนมากขึ้น การพยายามสร้างระบบ AI Marketing ขึ้นมาเพื่อช่วยให้เรามีเวลาในการสร้างสรรค์งานหรือผลิตเนื้อหาและวางกลยุทธ์แคมเปญมากขึ้นทำให้นักการตลาดอาจนึกไม่ถึงว่ามันมีความอัจฉริยะมากจนสามารถสร้างบทความได้แทนเรา
คุณรู้หรือไม่ว่าคุณได้เคยอ่านอย่างน้อยหนึ่งบทความที่เขียนขึ้นทั้งหมดโดยอัลกอริทึม
ตั้งแต่ต้นปี 2015 Associated Press ได้อาศัยอัลกอริทึม AI เพื่อสร้างบทความใหม่ ๆ กว่า 3,000 บทความในแต่ละไตรมาส นักข่าวหุ่นยนต์เหล่านี้ได้รับมือกับงานด้วยประสิทธิภาพและความแม่นยำที่น่าทึ่ง แต่สำหรับตอนนี้ความสามารถของ Robot journalists ยังค่อนข้างจำกัดอยู่เพราะผู้สื่อข่าวหุ่นยนต์ส่วนใหญ่จะครอบคลุมเรื่องราวที่เป็นข้อเท็จจริงและง่ายต่อการรายงานเท่านั้น ตัวอย่างเช่น คะแนนกีฬา การอัปเดตหุ้น และการคาดการณ์สภาพอากาศ ที่ข้อมูลง่ายต่อการเข้าใจ
Gartner คาดการณ์ว่าภายในปี 2018 “20% ของเนื้อหาทางธุรกิจทั้งหมดจะถูกประดิษฐ์ขึ้นโดยเครื่องจักร”
Elon Musk คิดว่าเครื่องคอมพิวเตอร์จะสามารถทำอะไรก็ได้ที่มนุษย์สามารถ “ภายในปี 2030 ถึง 2040”
และเมื่อไม่นานมานี้ Google ได้ลงทุนกว่า 800,000 ดอลลาร์ ในการริเริ่มของสมาคมสื่อมวลชนเพื่อสร้างข่าวโดยใช้ AI เท่านั้น
ดูจากสถิติแล้วการเดินไปสู่เนื้อหาเชิงสร้างสรรค์ หรือ AI-led ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่จะเกิดแน่นอน แต่ความเป็นจริงแล้วการพัฒนาไปถึงจุดนั้นมันซับซ้อนกว่าที่คิด ซึ่งคงต้องใช้ระยะเวลาในการวิจัยอีกนานพอควรค่ะ
สำหรับ AI แล้วการทำเนื้อหาไม่ได้มีเพียงการเขียนบทความเท่านั้น มันยังสามารถนำบทความของคุณมาสร้างเป็นวีดีโอเนื้อหาด้วยอย่างชาญฉลาด
ถ้าอยากรู้จักกับ AI / Video Content Marketing ล่ะก็ เลื่อนลงไปต่อเลยค่ะ
เครื่องมือแนะนำ: Lumen5 “A.I. powered video creation platform that turns blog posts into engaging videos” แค่อ่านสโลแกนก็ทึ่งละ และมันทำงานได้สมบูรณ์จริงๆ ด้วยนะ ที่กล้ายืนยันนั่งยันนี่เพราะได้ลองใช้มากับตัวเองตั้งแต่ช่วงต้นๆ ของโปรเจกเลย จะเรียกว่าเป็นกลุ่มหนูทดลองก็คงไม่ผิด
ถึงแม้ว่าตอนนี้ Lumen5 ยังไม่รองรับภาษาไทยอย่างสมบูรณ์ แต่สำหรับบทความภาษาอังกฤษแล้วถือได้ว่าเป็นเครื่องมือวีดีโอเนื้อหาที่ยอดเยี่ยมตัวหนึ่ง ก็เพราะ
– Built-in media library รวบรวมทุกสิ่งที่คุณต้องการไว้ในที่เดียว ไม่ว่าจะเป็น รูปภาพ (photos) วีดีโอ (videos)และเพลง (Music) และที่สำคัญถูกลิขสิทธิทุกอย่าง ทำให้คุณไม่ต้องกังวลในการใช้งานเพื่อธุรกิจ
– Smart Templates ช่วยสร้างวีดีโอเนื้อหาจากBlogให้คุณอัตโนมัติโดยที่คุณสามารถนำไปใช้ได้เลยหรืออาจปรับเปลี่ยนรูปภาพ วีดีโอ เพลง และแก้ไขเนื้อหาตามความชอบก็ได้
– ใช้งานง่ายโดยที่คุณไม่จำเป็นต้องมีความเชี่ยวชาญในการสร้างวีดีโอ เพราะ AI จะประมวลผลด้วยระบบภาษาธรรมชาติ (Natural Language Processing Algorithms) ที่ช่วยสรุปเนื้อหาในแต่ละซีนและสร้างStoryboard สั้นๆ สำหรับวีดีโอ เพียงแค่ใส่ลิ้งก์เนื้อหาที่คุณต้องการเท่านั้น
– ด้วยเทคโนโลยี Computer Vision เจ้า AI จะเลือกรูปภาพ หรือวีดีโอ หรือภาพกราฟิกที่เกี่ยวข้องให้อัตโนมัติ
– Machine Learning ช่วยสร้างวีดีโอที่มีคุณภาพโดยไม่จำเป็นต้องมีความเชี่ยวชาญ และยังช่วยคุณประหยัดเวลาในการตัดต่อวีดีโอ อย่างเช่น ระยะเวลาของแต่ละฉากจะถูกกำหนดด้วยอัลกอริทึมโดยขึ้นกับจำนวนคำในฉาก นอกจากนี้มันยังช่วยวางตำแหน่งข้อความที่เหมาะสมกับภาพประกอบและเนื้อหาได้อย่างชาญฉลาด (มันจะไม่วางเนื้อหาบนใบหน้าคนในภาพ เป็นต้น), และไฮไลท์ข้อความที่สำคัญตามสีแบรนด์ของคุณโดยอัตโนมัติ
– สามารถอัพโหลดโลโก้, ใส่ Watermark, Call-to-Action และปรับเปลี่ยนรูปแบบได้ตามชอบ
– Download แล้วแชร์ได้ง่ายๆ ในโซเชียลมีเดีย เช่น Facebook, Twitter, YouTube หรือ Instagram
– อัพเดทล่าสุด ตอนนี้คุณสามารถอัพโหลดวีดีโอ หรือ GIF จากไฟล์ของคุณได้แล้ว เป็นฟังก์ชั่นเพิ่มเติมจากการอัพโหลดรูปภาพส่วนตัว แต่มีข้อแม้ว่าต้องถูกต้องตามลิขสิทธิ์นะคะ
สำหรับคอนเทนต์ภาษาไทยเท่าที่ทำได้ตอนนี้ก็คงเป็นการอัพโหลดวีดีโอของคุณแล้วใช้ Music และตัวเลือกอื่นๆของเขาไปก่อนจนกว่าจะมีการเพิ่มฟังชั่นใหม่ๆ ที่เขากำลังเร่งทำอยู่ค่ะ
สำหรับราคาของเขามีให้เลือกทั้งแบบใช้ฟรีและจ่ายรายเดือน คนที่ต้องการทำเป็นแบบธุรกิจและไม่อยากให้มีเครดิตติดมาในวีดีโอ แนะนำให้เลือกจ่ายเป็นรายปีเพราะเขาให้ส่วนลดอีก 20% ค่ะ
4. AI Marketing ช่วยให้การโปรโมทสินค้าและทำโฆษณามีประสิทธิภาพ
การโปรโมทสินค้าและทำโฆษณาด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยีที่กำลังเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนแทบจะติดตามไม่ทันได้สร้างความท้าทายและโอกาสใหม่ๆ ที่ทั้งน่าตื่นเต้นและน่ากลัว ก็เพราะได้มีการนำ AI Marketing มาใช้ในอุตสาหกรรมการโฆษณาแล้วน่ะสิ
อย่างที่ทราบกันว่า AI จะสามารถคิดได้เช่นเดียวกับมนุษย์ ซึ่งก็หมายความว่าหน้าที่ของผู้ลงโฆษณาในการเลือกซื้อสื่อที่เหมาะสม, การกำหนดเป้าหมายผู้ใช้ที่เหมาะสม, การปรับแต่งความคิดสร้างสรรค์, การเพิ่มประสิทธิภาพในการเสนอราคา และหน้าที่อื่นๆ ที่นักโฆษณาสามารถทำได้ เจ้า AI ก็ทำได้โดยใช้ข้อมูลทั้งหมดมาประมวลผลได้แม่นยำและรวดเร็วกว่ามนุษย์ นอกจากนี้ AI ยังช่วยวิเคราะห์ผลลัพธ์ให้เสร็จสรรพด้วย
ถ้าคุณคิดว่านี่เป็นเพียงการสร้างหนังฮอลลีวู้ดแค่นั้น คุณอาจวางใจมันมากเกินไปเพราะในหลายเอเยนซีได้นำเทคโนโลยี AI Marketing เข้ามาใช้อย่างจริงจังในการสร้างแบรนด์, ช่วยตัดสินใจในการทำโฆษณา, ช่วยออกแบบการโฆษณา, จนถึงการช่วยวิเคราะห์ผลลัพธ์ และแก้ไขปรับปรุงให้เหมาะกับกุล่มเป้าหมายและพฤติกรรมผู้บริโภคอย่างแม่นยำ หรือที่เรียกว่า Retargeting นั่นเองค่ะ
ถ้าพูดถึงตรงนี้ คงอยากรู้แล้วว่าพวกสำนักโฆษณาระดับมืออาชีพเขาใช้ AI Marketing มาช่วยอย่างไร คำตอบก็คือ เขาใช้เครื่องมือที่สร้างให้ AI Marketing สามารถทำงานแทนนักโฆษณาได้อย่างยอดเยี่ยม ซึ่งก็มีเครื่องมือหลากหลายตามวัตถุประสงค์การใช้งาน และเครื่องมือที่เรานำมาแนะนำสำหรับการทำ Retargeting ให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี ก็อยู่ด้านล่างนี้แล้วค่ะ
เครื่องมือแนะนำ: Datacratic เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดทางหนึ่งในการทำ Retargeting เพราะคุณจะจ่ายตังค์ต่อ Conversion เท่านั้น
นอกจากนี้มันยังมีข้อดีอื่นๆ อีก เช่น
– โซลูชั่นในการกำหนดเป้าหมายใหม่จะมุ่งเน้นไปที่ผู้บริโภคเป็นหลัก
– ใช้ Feedback จากการทำการสำรวจความคิดเห็นผู้ชมที่เข้ามาดูเว็บไซด์ในการทำ Retargetingแทนการทำจากสมมติฐานเกี่ยวกับผู้ชมของคุณซึ่งมักจะผิดเป้าหมาย
– AI ของ Datacratic ได้รับรางวัล OCTAS ในด้านนวัตกรรมและรางวัล Digiday Signal Honorซึ่งเป็นหลักประกันในความเป็นมืออาชีพระดับ First-class
– ใช้เทคโนโลยี AI-powered ในการเพิ่มประสิทธิภาพการซื้อสื่อโฆษณาที่ดีที่สุด ที่ช่วยให้แคมเปญกำหนดเป้าหมายใหม่ของคุณได้ผลมากขึ้น
– ดูแลโดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญในการทำRetargeting ด้วยข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภค
– เก็บรวบรวมความคิดเห็นจากผู้เข้าชมเว็บไซด์เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลกลุ่มเป้าหมายของคุณมีความถูกต้องและเป็นปัจจุบัน และเหมาะสำหรับแคมเปญกำหนดเป้าหมายใหม่ทั้งหมดของคุณอย่างต่อเนื่อง
– เป็นโซลูชันที่ได้รับการไว้วางใจจากแบรนด์ชั้นนำในการเพิ่มประสิทธิภาพของแคมเปญกำหนดเป้าหมายใหม่ ตัวอย่างเช่น TELUS ใช้ Datacratic และมีอัตราการคลิกผ่านเพิ่มขึ้น 135% และมี Conversion โดยรวมเพิ่มขึ้น 98% จะเห็นได้ว่าเป็นตัวเลขที่สูงเลยล่ะ
สำหรับในส่วนของราคาคงต้องสอบถามเป็นรายๆ ไป เนื่องจากคุณจะจ่ายต่อ Conversion เท่านั้นค่ะ
5. AI Marketing ช่วยสร้างความเชื่อมั่นกับกลุ่มเป้าหมายและเสริมความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า
คุณคงเคยได้ยินคำว่า Chatbot มาบ้างแล้ว หลายบริษัทได้นำเจ้า Chatbot หรือ AI มาใช้ในกลยุทธ์การให้บริการลูกค้า ซึ่งเจ้า Chatbot นี้ก็มีอยู่สองแบบ คือ
– แบบที่สามารถตอบโต้โดยตรงกับลูกค้า (Front-end chatbot) ที่ใช้กับการตอบคำถามทั่วไป คำถามง่ายๆ ที่ไม่ซับซ้อนที่ลูกค้าจะได้คำตอบแบบตรงไปตรงมา โดยสนทนาตรงกับ AI
– แบบที่ช่วยเหลือเจ้าหน้าที่บริการลูกค้าในบทสนทนา (AI assist customer service) ซึ่งลูกค้าจะสนทนากับเจ้าหน้าที่ผู้ให้บริการโดยมี AI เป็นผู้ช่วยในการหาคำตอบที่เหมาะสมที่สุดให้เจ้าหน้าที่ตอบ เจ้าหน้าที่สามารถแก้ไขหรือจัดรูปแบบคำตอบได้ตามความเหมาะสม
Chatbot มันคืออะไรนะ?
Chatbots คือ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ออกแบบมาเพื่อจำลองการสนทนากับมนุษย์ แต่ chatbots ไม่ใช่ AI ซะทั้งหมดและมีความแตกต่างกันมาก chatbots บางตัวจะตอบคำถามด้วยการเขียนโปรแกรมไว้ล่วงหน้า เพื่อให้มีคุณสมบัติเป็น AI chatbots ต้องมีการปรับปรุงให้สามารถมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ใช้และรู้จักวลีมากกว่าสองสามคำค่ะ
AI Chatbot เป็นที่สนใจของธุรกิจขนาดใหญ่มาก เพราะมันสามารถช่วยงานบริการลูกค้าจำนวนมหาศาลได้อย่างดีและทำงานตลอด 24 ชั่วโมงโดยไม่มีการพักผ่อน ทำให้หลายบริษัทเริ่มหันมาลงทุนซื้อเครื่องมือนี้มาช่วยงานมากขึ้น
เครื่องมือแนะนำ: Livechat24-7 เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้การแชทสดง่ายขึ้น ประหยัดเวลามากขึ้น และยังช่วยปรับปรุงการบริการลูกค้าของคุณ ด้วยฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยให้การใช้ Facebook Bot ง่ายและสะดวกโดยไม่ต้องใส่โค๊ด
คุณสมบัติของ AI Chatbot มีมากมาย ดังนี้
– แอปพลิเคชันมือถือ Android และ iOSของ Livechat 24-7 ช่วยให้คุณสามารถสนับสนุนลูกค้าได้ทุกที่ทุกเวลาที่พวกเขาต้องการความช่วยเหลือ
– คุณสามารถสร้างคำตอบไว้ล่วงหน้าสำหรับคำถามที่พบบ่อย Bot เรียนรู้ที่จะจับคู่คำถามกับคำหลักที่เกี่ยวข้องที่คุณให้ไว้แล้วจับคู่ชุดคำตอบโดยอัตโนมัติ
– เมื่อใดก็ตามที่คุณต้องการปรับเปลี่ยนคุณสามารถลบเนื้อหาที่ไม่พึงประสงค์ได้ด้วยคลิกเดียว
– เมื่อคุณไม่อยู่ Bot จะทำงานด้วยตัวเองและให้การช่วยเหลือลูกค้าอย่างเป็นมิตรตลอด 24 ชั่วโมง
– คุณสามารถปรับเปลี่ยนจาก Bot มาเป็นแชทสดกับคุณได้เพียงแค่คลิกปุ่ม
– หาก Bot ไม่สามารถตอบคำถามได้เองมันจะโอนการสนทนาไปยังตัวแทนบริการลูกค้าเพื่อแชทสดทันที ทำให้การสนทนาต่อเนื่องโดยที่ลูกค้าไม่รู้สึกถึงความแตกต่าง
– Bot จะช่วยตัวแทนทำงานได้รวดเร็วขึ้นในการหาคำตอบที่เกี่ยวข้อง เพียงแค่พิมพ์คำหลักเจ้า Bot ก็จะหาคำตอบที่ดีที่สุดแล้วพิมพ์ตอบให้คุณอัตโนมัติ ทำให้ลูกค้าประทับใจในบริการที่รวดเร็วทันใจ
– ช่วยปิดการขายเพิ่มเติมแม้ว่าคุณจะไม่อยู่ Bot จะให้บริการลูกค้าแทนตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถปิดยอดขายได้มากขึ้นนอกเวลาทำการปกติ มันสามารถตอบคำถามลูกค้าได้ ให้คำแนะนำในการซื้อและนำลูกค้าไปสู่ขั้นตอนปิดการขาย
– นอกจากนี้เขายังมีการผนวกรวมกับแอปพลิเคชั่นยอดนิยม เช่น Slack, HipChatและ Shopifyเพื่อให้ครอบคลุมทุกแพลตฟอร์มของคุณ
เครื่องมือนี้มีทั้งแบบฟรีและเสียเงินขึ้นกับปริมาณการใช้งานต่อเดือนของคุณ หากคุณมีปริมาณการใช้ไม่เกิน 100 แชทต่อเดือนก็สามารถใช้แพ็คเกจฟรีได้ค่ะ
ก่อนที่คุณจะตัดสินใจเลือกใช้เครื่องมือ AI Marketing เพื่อเสริมกลยุทธ์ทางการตลาดและการขาย เราขอแนะนำให้เตรียมข้อมูล เช่น
1. ควรตั้งวัตถุประสงค์และเป้าหมายก่อน เพื่อเป็นแนวทางในการเลือกเครื่องมือที่มีคุณสมบัติเหมาะสมกับธุรกิจและเป้าหมายของคุณ
2. หากธุรกิจของคุณยังไม่เคยทดลองใช้ AI Marketing แนะนำให้ทดลองใช้แพ็คเกจแบบฟรีก่อน เพื่อศึกษาหาข้อดีข้อเสียก่อนการตัดสินใจเสียตังค์
3. เลือกใช้เครื่องมือฟรี ซัก 2-3 ตัวเพื่อเปรียบเทียบหาตัวที่ดีที่สุด ถูกที่สุด คุ้มที่สุด คลอบคลุมความต้องการมากที่สุด เพื่อการใช้งบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ
4. เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงเร็วมากเรียกว่าแทบทุกวินาที อย่าเพิ่งทุ่มจนหมดตัว ค่อยๆ เติมเงินไปทีละนิด จนกว่าจะแน่ใจว่าบริษัทที่ให้บริการเขามีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจริงและปรับปรุงโปรแกรมให้ทันสมัยอยู่เสมอ
5. หมั่นศึกษาและไล่จับข่าวของ AI Marketing ให้ทัน เพราะถ้าคุณช้า คุณจะเชยทันที หรืออาจเสียเปรียบคู่แข่งขันในยุคไทยแลนด์ 4.0 ไปแบบแค่ขอบรองเท้าแตะเส้นก็เป็นได้
6. ลองอ่านบทความที่เกี่ยวข้องจากผู้เชี่ยวชาญด้าน Marketing Technology เช่น เทคนิคปิดการขายด้วยการทำ Email Marketing, โลกอันกว้างใหญ่ของ Marketing Technology, เทคโนโลยีทางการตลาดและการขายที่คนไทยควรรู้จัก